บนทางด่วน อุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
การมี สายด่วนฉุกเฉินบนทางด่วน ติดมือถือไว้ จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความอุ่นใจ เพราะสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือได้ทันที
ทำไมการมีเบอร์สายด่วนฉุกเฉินจึงสำคัญ?
- ได้รับการช่วยเหลือรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาหาความช่วยเหลือเอง
- ลดความเสี่ยงหากรถเสียหรือเกิดเหตุในที่เปลี่ยว
- เพิ่มความอุ่นใจระหว่างเดินทางไกลหรือเดินทางตอนกลางคืน
- สามารถช่วยเหลือผู้อื่นที่ประสบเหตุได้เช่นกัน
รวมสายด่วนฉุกเฉินบนทางด่วน
เบอร์หลักที่ต้องมีติดมือถือ
- การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (EXAT) : 1543
- บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) : 1644
- กรมทางหลวง : 1586
- ตำรวจทางหลวง : 1193
เบอร์ฉุกเฉินด้านความปลอดภัยและการแพทย์
- เหตุด่วนเหตุร้าย : 191
- เหตุเพลิงไหม้/กู้ภัย : 199
- การแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (EMS) : 1669
- สายด่วนประกันภัย : 1186
เบอร์เสริมที่ควรรู้
- สายด่วน กู้ชีพ-กู้ภัย มูลนิธิต่างๆ (1669 สามารถประสานงานให้ได้)
- สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว : 1155
- ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม : 1356
- ศูนย์ความปลอดภัยคมนาคมทางน้ำ : 1196
เคล็ดลับ เก็บเบอร์สายด่วนฉุกเฉินให้พร้อมใช้
- บันทึกลงในสมุดโทรศัพท์ ตั้งชื่อให้ง่ายต่อการค้นหา
- พิมพ์ใส่กระดาษเล็กๆ ติดไว้ที่รถ เช่น ที่บังแดด
- แชร์ให้คนในครอบครัว เผื่อเหตุไม่คาดคิด
ทำไมควรมีสายด่วนฉุกเฉินบนทางด่วนติดมือถือเสมอ?
- ช่วยลดความเครียดเมื่อต้องเผชิญเหตุไม่คาดคิด
- ได้รับการช่วยเหลือรวดเร็ว ลดความเสี่ยงอันตราย
- ใช้ได้ทั้งกับตัวเองและเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
- เพิ่มความอุ่นใจทุกครั้งที่ต้องขับรถไกลหรือขับกลางคืน
สรุป
การมี สายด่วนฉุกเฉินบนทางด่วน ติดมือถือไว้คือการเพิ่มเกราะป้องกันให้การเดินทางปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขอความช่วยเหลือยามรถเสีย เกิดอุบัติเหตุ หรือเผชิญเหตุฉุกเฉินต่างๆ เพียงกดโทรศัพท์ คุณก็สามารถรับการช่วยเหลือได้ทันที
อย่าลืมบันทึกเบอร์เหล่านี้ไว้ เพราะมันอาจกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในวันที่คุณไม่คาดคิด และทำให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความอุ่นใจ











