หลายคนอาจเคยเจอปัญหา เชื้อราในรถ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนหรือเวลาที่น้ำรั่วเข้ามาภายในรถ ปัญหานี้ไม่เพียงสร้าง กลิ่นอับ ที่ทำให้ไม่สบายใจเวลาขับ แต่ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น ภูมิแพ้ ไอ จาม หรือหายใจไม่สะดวก ดังนั้นการ ทำความสะอาดเชื้อราในรถ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรทำทันทีเมื่อพบเจอ ข่าวดีคือ เราสามารถจัดการเชื้อราได้ด้วยตัวเองง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเงินไปศูนย์บริการ เพียงมีอุปกรณ์พื้นฐานและทำตามขั้นตอนอย่างถูกวิธี คุณก็สามารถทำให้รถกลับมาสะอาดและหอมสดชื่นได้อีกครั้ง

เชื้อราในรถเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ก่อนจะไปถึงขั้นตอนการ ทำความสะอาดเชื้อราในรถ เรามาทำความเข้าใจสาเหตุกันก่อน เพื่อจะได้รู้วิธีป้องกันในอนาคต

สาเหตุหลักของการเกิดเชื้อรา

• ความชื้นสะสม : น้ำฝน น้ำหก หรือแอร์ที่มีน้ำค้างหยด
• อากาศไม่ถ่ายเท : จอดรถนานๆ โดยไม่เปิดกระจกหรือสตาร์ทรถ
• สิ่งสกปรกสะสม : คราบอาหาร เศษขยะ ที่เป็นอาหารของเชื้อรา
• การทำความสะอาดไม่บ่อย : ปล่อยให้พรม เบาะ หรือผ้าม่านในรถชื้น

เมื่อเชื้อราขึ้นแล้ว หากไม่รีบกำจัด จะขยายวงกว้างและฝังลึก ทำให้ยิ่งทำความสะอาดยากขึ้น

อุปกรณ์ที่ควรเตรียมก่อนทำความสะอาด

การ ทำความสะอาดเชื้อราในรถ ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน เพียงเตรียมสิ่งเหล่านี้ก็เพียงพอ

• น้ำยาล้างจานหรือน้ำส้มสายชู
• เบกกิ้งโซดา (ช่วยดับกลิ่นและฆ่าเชื้อ)
• สเปรย์น้ำยาฆ่าเชื้อรา (เลือกที่ปลอดภัยต่อเบาะและพรม)
• ฟองน้ำ ผ้าไมโครไฟเบอร์
• แปรงขนนุ่ม
• ถุงมือยาง และหน้ากากกันฝุ่น
• เครื่องดูดฝุ่น
• พัดลมเป่าลมหรือไดร์เป่าผม

วิธีทำความสะอาดเชื้อราในรถที่บ้าน

การกำจัดเชื้อราไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษมากมาย เพียงแค่มีน้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา ฟองน้ำ ผ้าไมโครไฟเบอร์ และเครื่องดูดฝุ่นก็เพียงพอ ขั้นแรกคือเปิดประตูและหน้าต่างรถทุกบานเพื่อให้อากาศถ่ายเท พร้อมทั้งนำพรม เบาะเสริม หรือของที่ถอดออกได้ไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นดูดฝุ่นและคราบสกปรกออกเพื่อให้พื้นผิวสะอาด

เมื่อต้องการจัดการเชื้อราโดยตรง ให้นำน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำสะอาดในอัตราส่วนเท่ากัน แล้วฉีดพ่นหรือนำผ้าชุบทาบริเวณที่ขึ้นเชื้อรา จากนั้นใช้แปรงขนนุ่มถูเบาๆ หากเจอคราบฝังแน่นสามารถใช้เบกกิ้งโซดาโรยทิ้งไว้สักพักแล้วเช็ดออก วิธีนี้ไม่เพียงช่วยกำจัดเชื้อราแต่ยังช่วยลดกลิ่นอับได้ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้แห้งสนิทหลังทำความสะอาด ควรใช้พัดลมเป่าลมแรงหรือไดร์เป่าผมระดับลมเย็นช่วย และเปิดประตูรถทิ้งไว้จนแน่ใจว่าไม่มีความชื้นตกค้าง

เคล็ดลับป้องกันเชื้อราในรถไม่ให้กลับมา

นอกจากการ ทำความสะอาดเชื้อราในรถ แล้ว การป้องกันก็สำคัญไม่แพ้กัน

• ตากพรมและเบาะรองพื้นบ่อยๆ
• หลีกเลี่ยงการทิ้งเศษอาหารหรือเครื่องดื่มในรถ
• เปิดแอร์ไล่ความชื้นทุกครั้งหลังล้างรถหรือเจอน้ำฝน
• ใช้ถุงกันชื้นหรือสารดูดความชื้นวางไว้ในรถ
• ตรวจสอบซีลขอบประตูและกระจก ว่ามีน้ำรั่วหรือไม่

สรุป

เชื้อราในรถเป็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม แต่แท้จริงแล้วส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและความสะดวกสบายในการใช้รถ การ ทำความสะอาดเชื้อราในรถ ไม่ใช่เรื่องยาก หากเตรียมอุปกรณ์ครบและทำตามขั้นตอนที่แนะนำ คุณก็สามารถกำจัดเชื้อราได้เองง่ายๆ ที่บ้าน