กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ แม้เชื่อมต่อบลูทูธ
ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะใช้ติดต่อสื่อสาร ทำงาน หรือใช้แอปพลิเคชันนำทาง แต่เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย สิ่งหนึ่งที่ผู้ขับรถต้องตระหนักคือ “กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ” เพราะการใช้มือถือในขณะขับ ไม่เพียงแต่เป็นการรบกวนสมาธิ แต่ยังถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่มีโทษปรับชัดเจน ถึงแม้ผู้ขับจะเชื่อมต่อบลูทูธแล้ว หากใช้งานผิดวิธีก็ยังมีสิทธิ์ถูกจับและเสียค่าปรับได้เช่นกัน
กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ คืออะไร?
กฎหมายไทยได้กำหนดชัดเจนว่าการใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ ถือเป็นพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนน เนื่องจากผู้ขับอาจเสียสมาธิ ไม่สามารถควบคุมรถได้อย่างเต็มที่
- พ.ร.บ. จราจรทางบก กำหนดว่าห้ามผู้ขับรถใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่
- หากจำเป็นต้องใช้ ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หูฟัง หรือตัวเชื่อมต่อแบบแฮนด์ฟรี เท่านั้น
- โทษปรับสำหรับผู้ฝ่าฝืนอยู่ที่ 400 – 1,000 บาท และหากทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง อาจมีโทษหนักขึ้น
ใช้บลูทูธแล้ว ทำไมยังเสี่ยงผิดกฎหมาย?
หลายคนเข้าใจผิดว่าการเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถผ่านบลูทูธจะช่วยหลีกเลี่ยงกฎหมายได้ แต่ในความเป็นจริง หากใช้งานผิดวิธีก็ยังถือว่าผิดอยู่
กรณีที่ “ผิดกฎหมาย” แม้ใช้บลูทูธ
- กดหน้าจอโทรศัพท์มือถือขณะขับ
- เล่นแอปพลิเคชัน เช่น แชท โซเชียลมีเดีย
- ก้มพิมพ์ข้อความหรืออ่านข้อความ
- ใช้บลูทูธแต่ยังถือโทรศัพท์แนบหู
- ตั้งค่าหรือเปลี่ยนเพลงบนหน้าจอโทรศัพท์ระหว่างขับ
กรณีที่ “ถูกต้องตามกฎหมาย”
- ใช้ระบบ Hands-Free โดยไม่ต้องจับโทรศัพท์
- รับสาย/วางสายผ่านปุ่มที่พวงมาลัยหรือหน้าจอรถ
- ใช้คำสั่งเสียง (Voice Command) เพื่อควบคุมการโทรหรือการนำทาง
- จัดการการตั้งค่าทั้งหมดก่อนออกรถ
ความเสี่ยงจากการใช้มือถือขณะขับรถ
แม้กฎหมายจะมีโทษปรับ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการเสียสมาธิ
- เสี่ยงชนท้ายรถคันหน้า เพราะตาไม่ได้มองถนน
- เสี่ยงฝ่าไฟแดงโดยไม่ตั้งใจ
- เสียการควบคุมรถเมื่อหักหลบไม่ทัน
- ก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน
เคล็ดลับใช้งานมือถือให้ปลอดภัยและไม่ผิดกฎหมาย
เพื่อป้องกันการถูกปรับและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ควรปฏิบัติดังนี้
- ใช้อุปกรณ์ Holder ติดตั้งมือถือในตำแหน่งที่มองเห็นชัดเจน
- จัดการการตั้งค่า GPS หรือแอปนำทางก่อนออกรถ
- ใช้คำสั่งเสียงแทนการกดหน้าจอ
- หลีกเลี่ยงการอ่านข้อความหรือเล่นแอปทุกชนิด
- หากมีสายด่วนหรือข้อความสำคัญ ควรจอดรถข้างทางอย่างปลอดภัยก่อนใช้งาน
กฎหมายในประเทศอื่น ๆ เกี่ยวกับมือถือและการขับขี่ (เปรียบเทียบ)
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองดูว่าประเทศอื่น ๆ มีกฎหมายที่คล้ายคลึงกับไทยอย่างไร
- สหรัฐอเมริกา : บางรัฐมีโทษทั้งปรับและตัดแต้มใบขับขี่
- ญี่ปุ่น : ปรับสูงถึงหลายหมื่นเยน และอาจถูกเพิกถอนใบขับขี่
- สหราชอาณาจักร : ห้ามใช้มือถือทุกกรณี หากจับได้ปรับและตัดแต้มทันที
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ” เป็นมาตรการสากล ไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย
สรุป
การใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถ ไม่ว่าจะถือเล่นตรง ๆ หรือเชื่อมต่อผ่านบลูทูธแต่ใช้ผิดวิธีก็ยังถือว่าผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน หากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ควรใช้อุปกรณ์ Hands-Free หรือคำสั่งเสียงแทนการจับโทรศัพท์
การปฏิบัติตามกฎหมายไม่เพียงช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงค่าปรับ แต่ยังป้องกันอุบัติเหตุและช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยสำหรับทุกคนบนท้องถนน